ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้น “รถยนต์ไฟฟ้า” กำลังเป็นทีต้องการและจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะด้วยฟังก์ชันการทำงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ค่าใช้จ่ายต่างๆ ระบบอำนวยความสะดวก อาทิเช่น ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติหรือระบบเซฟตี้ เป็นต้น ที่มีความล้ำสมัย น่าใช้งาน จึงทำให้ไม่แปลกใจเลยที่เป็นที่ต้องการสำหรับใครหลายๆ คนที่มีกำลังทรัพย์นั้นเองครับ วันนี้เราจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะมาบอกกล่าวให้ทุกๆ ท่านได้ทราบเกี่ยวกับ “5 ข้อได้เปรียบของรถยนต์ไฟฟ้า” กันเพื่อเป็นตัวช่วยพิจารณาในการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคันนึ่งกันครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น…เราไปดูกันดีกว่าครับผม ทำความรู้จักกับระบบการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้ากันสักหน่อย รถยนต์ไฟฟ้า หรือที่เราเรียกกันว่า “Electric Vehicle (EV)” เป็นรถยนตที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว ไม่มีเครื่องยนต์ระบบสันดาปภายใน ทำให้ไม่มีการปล่อยไอเสียและไม่สร้างมลพิษ ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้สม่ำเสมอเมื่อแบตเตอรี่หมด ผ่านทางที่ชาร์จภายในบ้านหรือสถานีชาร์จไฟ โดยใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมงในการชาร์จปกติ หรือ 2-4 ชั่วโมงในการชาร์จผ่านแทนชาร์จแบบ Fast Chargeซึ่งจะมีองค์ประกอบหลักๆ ได้แก่ แบตเตอรี่ มอเตอร์ขนาดใหญ่ และอุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า โอดยตัวแปลงจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ไปเป็นพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับและส่งต่อไปยังมอเตอร์เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนนั้นเองครับ 5 ข้อได้เปรียบของการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ●ประหยัดค่าใช้จ่าย รถยนต์ไฟฟ้าจะช่วยคุณประหยัดเงินค่าน้ำมันและค่าซ่อมบำรุงตัวรถ เพราะรถยนต์ชนิดนี้ใช้พลังงานไฟฟ้ามาแทนที่ของน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาสูงและมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาน้อยกว่า เพราะ ไม่มีเครื่องยนต์ และไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง จึงทำให้การดูแลรักษาเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาในการนำรถยนต์ไปเข้าอู่อยู่บ่อยๆ ●ไม่ต้องเสียเวลาเพราะสามารถชาร์จแบตได้ที่บ้านของคุณ การต่อคิวเพื่อเติมน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงเป็นปัญหากวนใจของหลายคน…
หากว่ากันด้วยเรื่องของการเดินทางในชีวิตประจำวันของทุกๆ ท่านแล้ว… การเดินทางที่สะดวกและเป็นส่วนตัวมากที่สุดนั้นก็คือ “รถยนต์ส่วนตัว” นั้นเองครับ ซึ่งปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้มีการพัฒนาในด้านของรถไฟฟ้าที่เป็นพลังงานทางเลือกที่ดีและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านไปหาข้อมูลเกี่ยวกับ “รถไฟฟ้าพร้อมแล้วหรือยังที่จะทดแทนรถยนต์น้ำมัน” กันสักหน่อยครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับผม ความรูเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ควรรู้ รถยนต์ไฟฟ้า คือ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยใช้พลังงานไฟฟ้าที่เก็บอยู่ในแบตเตอรี่หรืออุปกรณ์เก็บพลังงานไฟฟ้าแบบอื่นๆ ซึ่งข้อดีของมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้เกิดแรงบิดได้ทันที ส่งผลให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีอัตราเร่งที่เรียบและรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าได้แบ่งเป็นประเภทต่างๆ ตามระบบการใช้งาน สามารถแบ่งแยกเป็นอีก 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่ ●รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) เป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว ไม่มีเครื่องยนต์ระบบสันดาปภายในไว้ใช้งาน จึงไม่มีการปล่อยไอเสียและไม่สร้างมลพิษ ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้สม่ำเสมอเมื่อแบตเตอรี่หมด ผ่านทางที่ชาร์จภายในบ้านหรือสถานีชาร์จไฟ โดยใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมงในการชาร์จปกติ หรือ 2-4 ชั่วโมงในการชาร์จผ่านแทนชาร์จเร็ว ทั้งนี้รถยนต์ไฟฟ้าจะมีองค์ประกอบหลักๆ ได้แก่ แบตเตอรี่ มอเตอร์ขนาดใหญ่ และอุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า สำหรับดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ไปเป็นพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับและส่งต่อไปยังมอเตอร์เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อน ●รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) เป็นรถยนต์ประเภทไฮบริด ที่ผสานเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ชาร์จไฟได้ โดยการเสียบปลั๊กไฟฟ้าที่อยู่ในบ้านหรือที่สถานีชาร์จไฟ ใช้เวลาชาร์จประมาณ 4-6 ชั่วโมงจนแบตเตอรี่เต็ม ซึ่งช่วยให้รถยนต์สามารถวิ่งได้โดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่อย่างเดียว ประมาณ 20-50…
หากว่ากันด้วยเรื่องของยานพาหนะอย่าง “รถยนต์” ทุกๆ คนน่าจะนึกถึงรถในฝันที่อยากได้ รถที่นั่งสบายและรถที่จะพาคุณเดินไปยังสถานที่ต่างๆ กันอย่างแน่นอนใช่มั้ยหล่ะครับ และสิ่งที่จะต้องฉุดคิดตามมานั้นก็คือ…เรื่องของราคารถยนต์นั้นเองครับ บทความนี้อยากจะขอพาทุกๆ ท่านไปพบเรื่องราวเกี่ยวกับ “รถยนต์มือสอง” และไปดู “”ข้อดีของการซื้อรถยนต์มือสอง” กันครับ รถยนต์มือสองเป็นอย่างไร? รถยนต์มือสอง คือ รถที่ผ่านการเป็นเจ้าของมาแล้วมากว่า 1 ครั้ง รถมือสองมีจำหน่ายทั่วไปตาม เต๊นท์รถมือสอง บริษัทรถเช่า แฟรนไซด์ของตัวแทนจำหน่ายรถใหม่ ผู้ขายมักจะมีการรับประกันให้เพิ่มเติมในบางส่วน รวมไปถึงบริการซ่อมบำรุงและอะไหล่ สำหรับการขายรถโดยเจ้าของรถเอง เรียกว่า รถบ้าน ซึ่งต่อมาผู้ขายเต๊นท์รถมักจะใช้คำว่า รถบ้าน แทนรถที่ผ่านการใช้งานเพียงเจ้าของเดียว เลือกรถมือสองอย่างไรดี ●ตรวจสอบอายุการใช้งานของรถยนต์มือสองที่เราสนใจ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หากไมล์สะสมของรถที่ใช้มีค่าสูง สิ่งนี้จะส่งผลต่อมูลค่าของรถ คุณควรเลือกรถที่มีระยะทางต่ำถึงปานกลางซึ่งจะช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจในคุณภาพได้ง่ายขึ้น รถยนต์ที่ใช้ไมล์ต่ำถึงปานกลางมักให้คุณภาพใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณจะพบในรถคันใหม่ ●ตรวจสอบประวัติรถยนต์มือสองที่เราสนใจ ควรตรวจสอบประวัติของรถก่อนตัดสินใจเลือกรถมือสอง โดยปกติแล้วรถยนต์มือสองที่ขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดอาจมีประวัติของมันเองซ่อนอยู่ สืบประวัติล่วงหน้าว่ารถที่คุณต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุใหญ่ ๆ, การยกเครื่องครั้งใหญ่มานั้นเอง และสุดท้ายจะส่งผลต่ออายุและคุณภาพการใช้งานครับ ●ควรตรวจสอบภายนอกและภายในของรถ คุณควรตรวจสอบรอยบุบ, การกระแทก หรือ ข้อบกพร่องทั้งภายนอก และ ภายในของรถที่คุณวางแผนจะซื้อ เพราะหากรถมีปัญหาเหล่านี้ การแก้ไขอาจเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและมีค่าใช้จ่ายสูง สิ่งที่คุณทำได้คือพยายามต่อรองเพื่อขอส่วนลด…
หากกล่าวถึง “รถยนต์ไฟฟ้า” แล้วหล่ะก็…เรียกได้ว่ากำลังมาแรงและเป็นที่น่าสนใจเป็นอย่างมากในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ครับ เนื่องด้วยราคาน้ำมันที่แพงขึ้นยิ่งทำให้ตัวรถยนต์ไฟฟ้าเป็นที่น่าสนใจและจับตามองเป็นอย่างมากเลยครับ เพราะหากเทียบระหว่างค่าไฟกับค่าน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว ค่าไฟถูกกว่าเห็นๆ ครับ บทความนี้จึงจะขอกล่าวถึง “อนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าและเล่าว่าทำไมจึงควรซื้อเป็นเจ้าของ” กันครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น เราไปดูกันเล้ยย!! ทำความรู้จักกับ “รถยนต์ไฟฟ้า” ว่าเป็นอย่างไร? รถยนต์ไฟฟ้า คือ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยใช้พลังงานไฟฟ้าที่เก็บอยู่ในแบตเตอรี่หรืออุปกรณ์เก็บพลังงานไฟฟ้าแบบอื่นๆ ซึ่งข้อดีหลักๆ ก็คือ ตัวมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถสร้างแรงบิดได้ทันที ทำให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีอัตราเร่งที่เรียบและรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าได้แบ่งเป็นประเภทต่างๆ ตามระบบการใช้งาน ซึ่งได้แก่ ●รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) คือ จะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว ไม่มีเครื่องยนต์ระบบสันดาปภายในไว้ใช้งาน จึงไม่มีการปล่อยไอเสียและไม่สร้างมลพิษ ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้สม่ำเสมอเมื่อแบตเตอรี่หมด ผ่านทางที่ชาร์จภายในบ้านหรือสถานีชาร์จไฟ โดยใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมงในการชาร์จปกติ หรือ 2-4 ชั่วโมงในการชาร์จผ่านแทนชาร์จเร็ว ●รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) คือ รถยนต์ประเภทหนึ่งของไฮบริด ที่ผสานเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ชาร์จไฟได้ โดยการเสียบปลั๊กไฟฟ้าที่อยู่ในบ้านหรือที่สถานีชาร์จไฟ ใช้เวลาชาร์จประมาณ 4-6 ชั่วโมงจนแบตเตอรี่เต็ม ซึ่งช่วยให้รถยนต์สามารถวิ่งได้โดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่อย่างเดียว ประมาณ 20-50 กิโลเมตร โดยไม่ต้องใช้น้ำมัน…
| Powered by WordPress | Theme by TheBootstrapThemes
