ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เป็นผลิตภัณฑ์การเงินที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากมีประโยชน์ต่อผู้ทำประกันและครอบคลุมไปจนถึงครอบครัว พร้อมทั้งมีการแบ่งส่วนเงินออมและการลงทุนให้กับผู้ทำประกันไว้ในอนาคต โดยเป้าหมายของประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์คือ
การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ นั้น…การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็มักจะเป็นตัวเลือกที่หากเราสามารถเลือกได้ก็จะเลือกกันเป็นอับดับแรกเลยหล่ะครับ แต่ทั้งนี้ความสบายเหล่านี้ก็แลกมาด้วยค่าน้ำมันที่จะต้องเสียไปทุกๆ การเดินทาง ซึ่งปัจจุบันราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย จะดีวกว่ามั้ย ถ้าเราสามารถลดค่าใข้จ่ายในส่วนนี้ลงได้ วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “สิ่งที่ควรู้ก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า” กันสักหน่อยครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น…พวกเราไปลุยเลยครับ สิ่งที่ควรู้ก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามีอะไรบ้าง? ●ความจุของแบตเตอรี่กับระยะทางที่วิ่งได้ไกลที่สุด ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้า 100% หรือที่เรียกว่าแบบ BEV (Battery Electric Vehicle) ถ้าใช้แบตเตอรี่ความจุ 60-90 kW จะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 300-400 กม.ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เป็นต้น ซึ่งถ้าหากอยากได้รถที่วิ่งระยะทางไกลมากขึ้น ก็ต้องเลือกรุ่นที่แบตมีความจุสูงมากขึ้นและแน่นอนว่าราคาของรถก็จะสูงตามขนาดความจุของแบตเตอรี่ ●การซ่อมบำรุงตัวรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อเปรียบเทียบค่าซ่อมบำรุงระหว่างรถที่ใช้น้ำมันกับรถ EV พบว่ารถ EV ที่ใช้ไฟฟ้า 100% ไม่มีเครื่องยนต์ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิก ทำให้ค่าซ่อมบำรุงและค่าดูแลรักษาต่ำกว่ารถที่ใช้น้ำมัน เฉลี่ยแล้วต่ำกว่า 50% ขณะที่รถน้ำมันต้องการการบำรุงรักษาที่มากกว่าเพราะเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันประกอบด้วยชิ้นส่วนมากมาย เมื่อเสื่อมสภาพต้องไล่เปลี่ยนหลายๆ อย่างเลยหล่ะครับ ●ระยะเวลาที่ใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่ต่อครั้ง รถ EV แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ มีระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอร์รี่เต็มไม่เท่ากัน ตามขนาดความจุของแบตเตอรี่…
ในปัจจุบันเรื่องของค่าเดินทางหรือค่าพลังงานเชื้อเพลิงเป็นปัญหาอับดับต้นๆ ของทุกๆ คน เนื่องจากมีราคาสูง จึงทำให้เกิดการใช้พลังงานทางเลือกมากมายเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายที่สามารถเลือกหรือทำได้นั้นเอง เช่นเดียวกับการเลือกใช้ “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่กำลังได้รับความสนใจและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันครับ บทความนี้จะขอพาทุกๆ ท่านไป “เรียนรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า” กันครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันเล้ยยย!!! “รถยนตไฟฟ้า” หรือ รถ EV (Electric Vehicle) ก็คือ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแทนการใช้เครื่องยนต์ที่มีระบบสันดาปภายใน โดยรถ EV จะใช้พลังงานไฟฟ้าที่เก็บอยู่ในแบตเตอรี่หรืออุปกรณ์เก็บพลังงานไฟฟ้ารูปแบบอื่นที่สามารถชาร์จไฟได้ ซึ่งเปลี่ยนพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้ในการขับเคลื่อน โดยข้อดีของมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้เกิดแรงบิดได้ทันที ส่งผลให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีอัตราเร่งที่เรียบและรวดเร็ว ต่างจากรถยนต์ทั่วไปที่ต้องใช้การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงเพื่อการขับเคลื่อน แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ●รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานผสมผสานระหว่างน้ำมันเชื้อเพลิงและพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ โดยยังคงใช้เครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อน แต่ก็จะทำงานผสมผสานกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมอเตอร์จะช่วยในการออกตัว ก่อนที่เครื่องยนต์จะทำงานต่อไป ●รถยนต์ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (BEV) เป็นรถยนต์ที่ใช้กระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว แบตเตอรี่จึงต้องมีขนาดใหญ่ ยิ่งแบตเตอรี่มีความจุมากก็จะช่วยให้รถวิ่งได้ระยะทางไกลขึ้นต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ●รถยนต์ไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) โดยเป็นเชื้อเพลิงไฮโดรเจนจากการเติมเชื้อเพลิงภายนอก และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์โดยตรง โดยในโครงสร้างจะมีแผงเซลล์เชื้อเพลิงหรือ Fuel Cell Stack…
ด้วยความที่เทรนของการใช้รถไฟฟ้าในปัจจุบันกำลังมาแรงเป็นอย่างมาก ทำให้ทุกๆ บ้านหรือตามห้างร้านที่พอจะมีพื้นที่ต่างๆ ต่างพากันทำเป็นฮัปตั้งแทนชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ากัน เรียกได้ว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจมากเลยทีเดียวหล่ะครับ วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “แท่นชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอย่างไร?” เพื่อศึกษาเอาไว้เป็นความรู้ติดตัวกันครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น เราไปชมกันดีกว่าครับผม แท่นชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอย่างไร? การชาร์จประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า EV Charging สามารถแบ่งได้เป็น 2ประเภทหลัก ได้แก่… ●การชาร์จประจุรถยนต์ไฟฟ้าผ่านตัวนำ (Conductive Charging) เป็นการชาร์จไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายไปยังรถยนต์ไฟฟ้าโดยใช้สายชาร์จเคเบิล เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความซับซ้อนน้อย ทำให้การชาร์จประจุไฟฟ้าผ่านตัวนำเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน สำหรับการชาร์จไฟฟ้าผ่านตัวนำนั้น สามารถแบ่งย่อยได้เป็น 2 .ประเภท แสดงดังรูปที่ 1ดังนี้ 1.1 การชาร์จประจุรถยนต์ไฟฟ้าแบบปกติ (Normal Charge) ซึ่งเป็นการชาร์จประจุไฟฟ้าด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Charger) ผ่านอุปกรณ์อัดประจุไฟฟ้าที่ติดตั้งภายในรถยนต์ไฟฟ้า (On-Board Charger) จะมีขนาด 4.3 kW และ 6.6 kW สำหรับการชาร์จประจุไฟฟ้าแบบ 1 เฟส ไปจนถึง 11 kW และ 22 kW…
อุบัติเหตุเป็นเห็นการณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน ที่ไหน หรืออย่างไร จึงสามารถนำความเสียหายมาให้เราและรถของเราได้ทุกเมื่อ เจ้าของรถส่วนใหญ่จึงมีการทำประกันภัยเพิ่มเติมเพราะเป็นการเตรียมตัวรับมือกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด หากกำลังต้องการเลือกซื้อประกันชั้น 1 ไม่ควรพลาดเช็คราคาประกันชั้น 1 จากบทความนี้ วิริยะประกันภัย บริษัทประกันภัยที่ได้เป็นบริษัทชั้นนำอันดับหนึ่งของประเทศ มีการดำเนินกิจการและประสบการณ์มาอย่างยาวนานกว่า 70 ปี ทำให้มีการขยายสาขาบริการและอู่ซ่อมในเครือที่ครอบคลุมทุกพื้นที่กว่า 600 แห่งทั่วประเทศ ด้วยภาพลักษณ์ความมั่นคงที่ดีทำให้ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของรถทุกยุคทุกสมัย และนอกจากจะมีประกันรถยนต์แล้วยังครอบคลุมไปถึงประกันภัยหมวดอื่นๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ประกันภัยบ้าน ประกันภัยธุรกิจ และประกันภัยสุขภาพ เป็นต้น โดยราคาประกันรถยนต์ชั้น 1 ของวิริยะประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 13,000 บาท รู้ใจประกันภัยเป็นบริษัทประกันภัยที่เพิ่งเปิดตัวและดำเนินการมาได้ไม่นาน แต่ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นประกันภัยที่รู้จักกันเป็นวงกว้างและได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในกลุ่มคนยุคใหม่ เพราะเป็นบริษัทประกันภัยเดียวที่เปิดให้บริการผ่านระบบออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อได้อย่างง่ายดาย สะดวกและรวดเร็วอีกด้วย นอกจากนี้เรายังสามารถปรับแต่งเงื่อนไขความคุ้มครองให้เหมาะสมและตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตของเราได้ตามความต้องการอีกด้วย ราคาประกันชั้น 1 ของรู้ใจจะมีราคาเริ่มต้นที่ 13,000 บาท บริษัทประกันภัยรถยนต์ชั้นนำอีกหนึ่งบริษัทของประเทศไทย มีบริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการเกี่ยวกับการทำประกันต่างๆ มีบริการเคลมรวดเร็วด้วยระบบดิจิทัล สามารถออกใบสั่งซ่อมได้ทันทีที่จุดเกิดเหตุ ทั้งยังสามารทำเคลมประกันได้ด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน สามารถแจ้งเหตุฉุกเฉินได้ทุกเมื่อ ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยศูนย์บริการที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศ นอกจากนี้ในการชำระเงินเราสามารถชำระผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยเพราะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่มีมาตรฐาน ทั้งยังมีส่วนลดและสิทธิพิเศษต่างๆ ที่จะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมากมายอีกด้วย…
ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้น “รถยนต์ไฟฟ้า” กำลังเป็นทีต้องการและจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะด้วยฟังก์ชันการทำงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ค่าใช้จ่ายต่างๆ ระบบอำนวยความสะดวก อาทิเช่น ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติหรือระบบเซฟตี้ เป็นต้น ที่มีความล้ำสมัย น่าใช้งาน จึงทำให้ไม่แปลกใจเลยที่เป็นที่ต้องการสำหรับใครหลายๆ คนที่มีกำลังทรัพย์นั้นเองครับ วันนี้เราจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะมาบอกกล่าวให้ทุกๆ ท่านได้ทราบเกี่ยวกับ “5 ข้อได้เปรียบของรถยนต์ไฟฟ้า” กันเพื่อเป็นตัวช่วยพิจารณาในการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคันนึ่งกันครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น…เราไปดูกันดีกว่าครับผม ทำความรู้จักกับระบบการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้ากันสักหน่อย รถยนต์ไฟฟ้า หรือที่เราเรียกกันว่า “Electric Vehicle (EV)” เป็นรถยนตที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว ไม่มีเครื่องยนต์ระบบสันดาปภายใน ทำให้ไม่มีการปล่อยไอเสียและไม่สร้างมลพิษ ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้สม่ำเสมอเมื่อแบตเตอรี่หมด ผ่านทางที่ชาร์จภายในบ้านหรือสถานีชาร์จไฟ โดยใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมงในการชาร์จปกติ หรือ 2-4 ชั่วโมงในการชาร์จผ่านแทนชาร์จแบบ Fast Chargeซึ่งจะมีองค์ประกอบหลักๆ ได้แก่ แบตเตอรี่ มอเตอร์ขนาดใหญ่ และอุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า โอดยตัวแปลงจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ไปเป็นพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับและส่งต่อไปยังมอเตอร์เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนนั้นเองครับ 5 ข้อได้เปรียบของการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ●ประหยัดค่าใช้จ่าย รถยนต์ไฟฟ้าจะช่วยคุณประหยัดเงินค่าน้ำมันและค่าซ่อมบำรุงตัวรถ เพราะรถยนต์ชนิดนี้ใช้พลังงานไฟฟ้ามาแทนที่ของน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาสูงและมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาน้อยกว่า เพราะ ไม่มีเครื่องยนต์ และไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง จึงทำให้การดูแลรักษาเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาในการนำรถยนต์ไปเข้าอู่อยู่บ่อยๆ ●ไม่ต้องเสียเวลาเพราะสามารถชาร์จแบตได้ที่บ้านของคุณ การต่อคิวเพื่อเติมน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงเป็นปัญหากวนใจของหลายคน…
| Powered by WordPress | Theme by TheBootstrapThemes
